การศึกษาดูงานและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ณ ประเทศสาธารณรัฐจีน



การศึกษาดูงานและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ณ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ภายใต้โครงการ “Functional Ingredient Study Visit” ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฟังก์ชันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารฟังก์ชันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานทางการศึกษา จำนวน 33 ท่าน เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตอาหารฟังก์ชัน การเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาวัตถุดิบเชิงสุขภาพ และกระบวนการส่งเสริมนวัตกรรมในระดับประเทศ การเดินทางเยี่ยมชมหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ ตลอด 5 วันในหลายเมืองของไต้หวัน ระหว่างวันที่ 16-20 มีนาคม 2568 ได้นำมาซึ่งมุมมองใหม่และแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม รายละเอียดของสถานที่ที่ไปเยี่ยมชมและบทเรียนที่ได้รับมี ดังนี้
1. National Formosa University (NFU) เมืองหยุนหลิน
National Formosa University (NFU) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีของไต้หวัน จุดเด่นของ NFU อยู่ที่ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมอาหาร และระบบอัตโนมัติ โดยเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ระหว่างศาสตร์เชิงทฤษฎีและการปฏิบัติจริงอย่างเข้มข้น ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการพัฒนา NFU มีนโยบายให้อาจารย์ผู้สอนต้องมีประสบการณ์ทำงานในภาคอุตสาหกรรมก่อนจึงจะสามารถเข้ารับการบรรจุในตำแหน่งได้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีระบบสนับสนุนการให้บริการภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร และบริการวิเคราะห์คุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเกษตรด้วยเครื่องมือขั้นสูงที่รองรับมาตรฐานสากล อีกหนึ่ง
2.Derlian Biotech Corp.
Derlian Biotech เป็นบริษัทไบโอเทคโนโลยีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงเห็ดสมุนไพรทางยาระดับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ Cordyceps militaris และ Antrodia cinnamomea ซึ่งเป็นเห็ดสมุนไพรพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในไต้หวัน บริษัทมีเทคโนโลยีเฉพาะในการควบคุมสภาวะการเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ และมีเครื่องมือขั้นสูง เช่น เครื่องฟรีซดรายระดับอุตสาหกรรม รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ อย่างครบวงจร Derlian ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นฐานจากข้อมูลวิทยาศาสตร์ และการวางกลยุทธ์ด้านการตลาดอย่างชัดเจนเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ผู้สูงอายุและกลุ่มรักสุขภาพ บริษัทมีรูปแบบธุรกิจที่ผสานการวิจัย การเพาะเลี้ยง และการผลิตเชิงพาณิชย์เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ รวมถึงมีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมอาหารฟังก์ชันของไทยให้มีความยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลก การเยี่ยมชมครั้งนี้ช่วยให้ศูนย์ฯ มองเห็นโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือกับ Derlian ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ การทดลองสูตรในระดับกึ่งอุตสาหกรรม และการผลิตในรูปแบบ OEM โดยใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย รวมถึงการร่วมวิจัยด้านประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ในตลาดสุขภาพระดับนานาชาติ
3.Chiayi Industrial Innovation Center (CIIC), เมือง Chiayi
ศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมเจียอี้ (Chiayi Industrial Innovation Center: CIIC) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวัน (Ministry of Economic Affairs: MOEA) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในภูมิภาคกลางและใต้ของประเทศไต้หวันให้สามารถยกระดับกระบวนการผลิต พัฒนานวัตกรรมสินค้าอาหาร และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน CIIC ได้รับงบประมาณจากภาครัฐในการก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐานในระยะแรก และในระยะต่อมาได้ดำเนินงานแบบพึ่งพาตนเองผ่านการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมและการดำเนินโครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐ CIIC มีแนวทางในการสร้าง “Innovation Ecosystem” ในระดับท้องถิ่น โดยบูรณาการภาคการศึกษา ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเข้าถึงเครื่องมือ เทคโนโลยี และองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรแกรมฝึกอบรม การให้คำปรึกษาเชิงลึก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดสอบมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้า การทดลองผลิตในระดับอุตสาหกรรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี (ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ SME หลายแห่งเพื่อป้องกันการผูกขาด) รวมถึงการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ที่น่าสนใจคือ CIIC ยังมีศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพกับอาสาสมัครแบบครบวงจร ซึ่งสามารถใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบทดสอบผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันในบริบทของไทย
การเยี่ยมชม CIIC เปิดโอกาสให้ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฟังก์ชันฯ เห็นถึงแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุน SME อย่างมีประสิทธิภาพ ศูนย์ฯ สามารถต่อยอดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมนวัตกรรมในผู้ประกอบการท้องถิ่น การพัฒนาแพลตฟอร์มบ่มเพาะนวัตกรรมร่วมระหว่างไทย–ไต้หวัน การแลกเปลี่ยนนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ หรือทีมพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนการร่วมกันจัดกิจกรรมเร่งรัดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (product accelerator program) และการส่งเสริมการวิจัยเพื่อสร้างมาตรฐานสากลในผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาเชิงนโยบายที่สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจระดับชาติของ MOEA ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ศูนย์ฯ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบนโยบายและกลไกการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารมูลค่าสูงในประเทศไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
4. Magical Mushrooms Tribe (MMT), เมือง Changhua
Magical Mushroom Tribe (MMT) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยกลุ่มนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในการพัฒนาเห็ดเป็นวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ ทั้งในรูปแบบอาหารเสริม เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จุดเด่นของ MMT อยู่ที่การผสมผสานเทคโนโลยีชีวภาพกับการเล่าเรื่อง (storytelling) เพื่อสร้างแบรนด์ที่มีอัตลักษณ์ในตลาดสินค้าพรีเมียม พร้อมทั้งใช้ระบบการเพาะเลี้ยงเห็ดแบบควบคุมปิดที่มีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ช่วยควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างแม่นยำ MMT ยังพัฒนาฟาร์มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเห็ดและสินค้าท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบ และเปิดร้านอาหารภายในฟาร์มโดยใช้เห็ดจากการเพาะเลี้ยงเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการทำตลาดอย่างสร้างสรรค์ ทั้งยังขยายตลาดไปยังต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์และงานแสดงสินค้า ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงโมเดลธุรกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับวิสาหกิจชุมชนในไทยได้อย่างเหมาะสม
จากการเยี่ยมชมในครั้งนี้ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฟังก์ชันฯ สามารถต่อยอดความร่วมมือกับ MMT ได้ในหลายมิติ เช่น การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงเห็ดสมุนไพรในระบบปิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากเห็ดร่วมกัน การถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูป การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการร่วมกันออกแบบแบรนด์และสร้างเรื่องราวผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมฝึกอบรมหรือศึกษาดูงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาทักษะให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการยกระดับสินค้าชุมชนให้มีนวัตกรรมและคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกับสมาคมนักวิจัยและเพาะเลี้ยงเห็ดแห่งประเทศไทย เพื่อขยายองค์ความรู้สู่เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน รวมถึงสามารถบูรณาการกับโครงการ SAI (Sustainable Agro-Industry) ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนผ่านแนวทาง BCG Economy ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเห็ดไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลในระยะยาว
5. Grape King Bio Ltd., Longtan Science Park, เมือง Taoyuan
Grape King Bio เป็นบริษัทไบโอเทคขนาดใหญ่ของไต้หวันที่ก่อตั้งในปี 1969 โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตโพรไบโอติกส์ อาหารเสริม และเครื่องดื่มสุขภาพในระดับอุตสาหกรรม มีโรงงานผลิตและศูนย์วิจัยที่ทันสมัย พร้อมสิทธิบัตรด้านจุลินทรีย์และการหมักจำนวนมาก จุดเด่นของ Grape King Bio คือการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับสากล (GMP, ISO, HACCP) โดยมีศูนย์ R&D ที่วิจัยจุลินทรีย์กว่า 50 ชนิด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น ระบบทางเดินอาหาร ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพองค์รวม อีกทั้งยังมีการทดสอบทางคลินิกและเทคโนโลยีเชิงลึกเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในกลุ่มโพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์ และผลิตภัณฑ์จากเห็ดหรือสมุนไพรพื้นถิ่น
จากการเยี่ยมชมในครั้งนี้ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฟังก์ชันฯ ได้หารือแนวทางความร่วมมือกับ Grape King Bio ในหลากหลายด้าน ทั้งการจัดหลักสูตรร่วมโดยเชิญวิทยากรจาก Grape King มาให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการหมักและกระบวนการผลิตจุลินทรีย์ในระดับอุตสาหกรรม และการแลกเปลี่ยนนักวิจัยหรือบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนทักษะเชิงเทคนิคและความเข้าใจในบริบทสากล ทั้งนี้ ความร่วมมือยังสามารถต่อยอดไปสู่การ ปรับเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น (Tech Localization) เช่น การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์กับวัตถุดิบไทย การปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ และการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับระดับของผู้ประกอบการไทย พร้อมทั้งร่วมกันวางแผน กระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Tech Transfer) และ การขยายกำลังการผลิต (Scale-up) ผลิตภัณฑ์ในระดับกึ่งอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็ง ยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน
6. Food Industry Research and Development Institute (FIRDI), เมือง Hsinchu
FIRDI ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงเศรษฐกิจและ National Science and Technology Council ของไต้หวัน โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร การวิเคราะห์คุณภาพ และการผลักดันนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ FIRDI ทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเชื่อมโยงงานวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม ให้บริการตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (pilot scale) การให้คำปรึกษาด้านการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การหมักเชิงลึกและ microencapsulation รวมถึงเป็นศูนย์เก็บรักษาสายพันธุ์จุลินทรีย์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอาหารฟังก์ชัน แนวทางของ FIRDI ถือเป็นต้นแบบของ Innovation Infrastructure ที่ไทยสามารถนำมาปรับใช้เพื่อผลักดัน Functional Food สู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
ในการหารือร่วมกันระหว่างศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฟังก์ชันฯ กับ FIRDI ได้มีการวางแนวทางความร่วมมือในอนาคตหลายมิติ เช่น การแลกเปลี่ยนนักวิจัยและบุคลากรเพื่อยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีอาหาร การถ่ายทอดเทคโนโลยี (tech transfer) และการขยายกำลังการผลิต (scale-up) จากห้องปฏิบัติการสู่ระดับอุตสาหกรรม การปรับเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับบริบทไทย (tech localization) ตลอดจนการร่วมกันพัฒนามาตรฐานการผลิตและระบบการทดสอบผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล รวมถึงการออกแบบ ecosystem ด้านอาหารฟังก์ชัน ระบบการขอ health claim และการขึ้นทะเบียน positive list ที่ FIRDI มีประสบการณ์สนับสนุนภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยยกระดับความสามารถของไทยในด้านเทคโนโลยีและการกำกับดูแลอาหารสุขภาพให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล






การเข้าร่วมงาน SIAL Shenzhen 2023 ณ เมือง Shenzhen สาธารณรัฐประชาชนจีน


การเข้าร่วมงาน SIAL Shenzhen 2023 (ภาพที่ 12) ได้นำมาซึ่งบทเรียนสำคัญที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับทีมงานของศูนย์ฯ เกี่ยวกับทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล โดยเฉพาะแนวโน้มของผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารฟังก์ชัน อาหารจากพืช (plant-based) และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลักของศูนย์ฯ ในการส่งเสริมการพัฒนาอาหารมูลค่าสูงจากทรัพยากรท้องถิ่น นอกจากนี้ การได้สัมผัสกับตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนโดยตรง ทำให้ทีมงานตระหนักถึงความสำคัญของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถสื่อสารเรื่องราวคุณค่า คุณภาพ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์อย่างชัดเจน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาดระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในจีนซึ่งมีศักยภาพสูงและมีความต้องการวัตถุดิบธรรมชาติจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ในครั้งนี้ ศูนย์ฯ ยังได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมออกบูธภายในงาน ตลอดจนพบปะกับนักลงทุน ผู้แทนจากอุตสาหกรรมอาหาร และหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจจากหลากหลายประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ ทูตพาณิชย์ไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพสินค้าอาหารของไทยสู่ตลาดจีนอย่างเป็นระบบ ประสบการณ์จากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของงานแสดงสินค้านานาชาติในฐานะแพลตฟอร์มสำคัญที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้ สังเกตแนวโน้มตลาด และเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งสามารถนำกลับมาปรับใช้ในการยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมของศูนย์ฯ รวมถึงต่อยอดการขยายตลาดเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
อว.แฟร์









วช. จัดการเสวนา เรื่อง “ธุรกิจ Functional Ingredients เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบต้นน้ำ”วันที่ 27 กรกฎาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการเสวนา “ธุรกิจ Functional Ingredients เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบต้นน้ำ” โดยมีวิทยากรจากผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ผศ. ดร.พีรพงษ์ พรวงศ์ทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ Mr. Semi Hakim Co-Founder & CEO Kok Projekt ศ. ดร.ภาวิณี ชินะโชติ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย ศ. ดร.วิไล รังสาดทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, รศ. ดร.ณัฐดนัย หาญการสุจริต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคุณพรพรรณนิล ศตวรรษธำรง สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจัดขึ้นภายในงาน อว. แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ ณ ห้องประชุม MR 205 ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศ. ดร.ภาวิณี ชินะโชติ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลสรุปในภาพรวมว่า แนวโน้มการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในปัจจุบันยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชัน Functional Food และส่วนประกอบฟังก์ชัน Functional Ingredients เติบโตอย่างรวดเร็วจากปัจจัยหนุนด้านการเติบโตของ Wellness Economy การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความต้องการอาหารโลกที่เพิ่มมากขึ้น ทำผู้ประกอบหลายรายเริ่มให้ความสนใจในการเข้าสู่ตลาด Functional Foods มากขึ้น Functional Foods คืออาหารที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ประเทศไทยได้มีนโยบายการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งจะช่วยในการพัฒนาขีดความสามารถการออกผลิตภัณฑ์และขยายตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันของไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการผลิต Functional Ingredients จากวัตถุดิบของไทย รวมทั้งการสร้างความเข้าใจทางภาควิชาการร่วมกับภาคธุรกิจในการวาง Market positioning พัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพร่วมกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถผลิต Functional Product แข่งขันได้ในระดับสากลถัดมาเป็นการเสวนา ในหัวข้อ “สถานการณ์การผลิต Food Ingredient ของประเทศไทย” หัวข้อ “Global trend of food business : From field to fork” และหัวข้อ “แนวโน้มและทิศทางการพัฒนา Food Ingredient ในประเทศไทย”ทั้งนี้ วช. ขอเชิญชวนผู้สนใจ เข้าร่วมงาน “อว. แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำ พบกับนวัตกรรมล้ำสมัย ผลงานวิจัยสุดล้ำ และกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร
งานแสดงผลิตภัณฑ์ TMA





